loader image
LINE_ALBUM_คันฉ่องสีทอง_240827_25

คันฉ่อง กระจกเงาโบราณ

Thai Style Studio 1984 คันฉ่อง กระจกเงาโบราณ 1

คนสมัยก่อน เวลาจะดูเงาของตนก็ดูในน้ำ แต่น้ำนั้นต้องเป็นน้ำนิ่ง ๆ เช่น น้ำในบ่อ ถ้าบ่ออยู่ไกลไม่สะดวกก็ตักน้ำใส่กะโหลก (กะโหลก คือ กะลามะพร้าวอย่างใหญ่เฉาะสูงไม่ผ่าครึ่ง) แล้วชะโงกดูเงา ต่อมาเมื่อเจริญขึ้นรู้จักใช้โลหะ มีทองแดงบ้าง สัมฤทธิ์บ้าง ทองเหลืองบ้าง เงินบ้าง ทองบ้าง ตามฐานะ มาขัดเรียบชักเงา จนใส ส่องดูเงาได้ แต่การส่องกับแผ่นโลหะกลม ๆ เป็นแว่นหรือเป็นเหลี่ยมก็ตาม ไม่ถนัด จึงต่อคันสำหรับจับกับแว่นนั้น ซึ่งต่อมากลายเป็นเครื่องอุปโภคที่สำคัญอย่างยิ่งประการหนึ่งของมนุษย์ แว่นเงาที่มีคันเรียกว่า “คันฉ่อง” 

Thai Style Studio 1984 คันฉ่อง กระจกเงาโบราณ 3

คันฉ่อง ซึ่งอธิบายว่า “คัน” คือด้ามหรืออะไรที่ยาว ๆ มือจับได้ เช่น คันธนู คันศร คันเบ็ด ส่วน “ฉ่อง” กับ “ส่อง” เป็นคำหมายความอย่างเดียวกัน ฉ กับ ส ใช้แทนกันได้หลายคำ เช่น ฉลาก กับ สลาก

Thai Style Studio 1984 คันฉ่อง กระจกเงาโบราณ 5

เชื่อกันว่าอียิปต์, เปอร์เซีย ต้นอารยธรรมของโลก รู้จักใช้คันฉ่องกันมานานแล้ว ทำกันวิจิตรงดงามมากแพร่หลายมาในอินเดีย ขึ้นไปเนปาล ออกจากเนปาลเข้าธิเบต สู่จีน สู่ไทย สู่พม่า ในพิพิธภัณฑ์เนปาลตัว “ส่อง” ทำด้วยทองม้าฬ่อ “คัน” ทำด้วยงาช้างแกะสลักเป็นนารายณ์ทรงครุฑและเป็นกฤษณะ ในเมืองจีนใช้กันแพร่หลาย แต่มีขนาดที่เล็กกว่า ทำด้วยสัมฤทธิ์ เป็นชิ้นเดียวกัน มีลายตามขอบ

Thai Style Studio 1984 คันฉ่อง กระจกเงาโบราณ 7
Thai Style Studio 1984 คันฉ่อง กระจกเงาโบราณ 9

ส่วนในประเทศไทยคันฉ่องเพิ่งมีเข้ามาในเมืองไทยมากในสมัยอยุธยาตอนปลาย ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ก่อนหน้านั้นคงจะมีบ้างนิดหน่อย  ส่วนในพิพิธภัณฑ์ที่อยุธยาก็มีคันฉ่อง ทำด้วยสัมฤทธิ์ในรูปแบบดั้งเดิมคือกลมด้านเหลี่ยมแบน ต่อมาได้ประดิษฐ์ประดอยจนได้รูปงามเป็น “แว่น” ซึ่งมาใช้เป็นที่ติดเทียนสำหรับเวียนเทียน จนเมื่อกระจกแท้มา กระจกยังได้เข้าไปแทนที่ทองสัมฤทธิ์ที่ตัว “ส่อง” เป็นแว่นแก้ว 

Thai Style Studio 1984 คันฉ่อง กระจกเงาโบราณ 11
Thai Style Studio 1984 คันฉ่อง กระจกเงาโบราณ 13

กระจกแพร่หลายมากขึ้น บานใหญ่ขึ้น ยื่งใหญ่เท่าไรคนยิ่งชอบ เพราะส่องเห็นได้มากขึ้น พ้นวิสัยที่จะใส่คัน ต้องทำกรอบตั้งวางกับพื้น เรียกกันว่า กระจกตั้ง ราชาศัพท์เรียกว่า พระฉาย ส่วนที่ใส่คันส่องก็วางบนพาน ซึ่งคนรุ่นเก่าสามารถตัดผมตนเองด้วยกรรไกรคีมแบบโบราณโดยใช้กระจกตั้งและคันฉ่องช่วย 

Thai Style Studio 1984 คันฉ่อง กระจกเงาโบราณ 15
กระจกตั้ง
Thai Style Studio 1984 คันฉ่อง กระจกเงาโบราณ 17

ปัจจุบันความหมายของ​ “คันฉ่อง” ย้ายมาอยู่ที่กระจกตั้งปิดทองล่องชาดชนิดนั่งรอบส่อง ส่วนตัว “คันฉ่อง” เก่าจริง ๆ นั้นหายไปเกือบหมด คงมีอยู่ตามพิพิธภัณฑ์บ้างเท่านั้น ที่จริงกระจกเงามีด้ามถือที่ใช้ส่องกันตามร้านเสริมสวยก็คือ “คันฉ่อง” แต่เมื่อความหมายย้ายไปไกลแล้ว ก็ไม่มีใครเรียกอีกต่อไป ถ้าไปเรียกกระจกตั้งว่า “กระจก” ก็เป็นผิด ต้องเรียก “คันฉ่อง” ทั้ง ๆ ที่ไม่มี “คัน” สำหรับจะจับจะถือแม้แต่น้อย

Thai Style Studio 1984 คันฉ่อง กระจกเงาโบราณ 19
Thai Style Studio 1984 คันฉ่อง กระจกเงาโบราณ 21
Thai Style Studio 1984 คันฉ่อง กระจกเงาโบราณ 23
Thai Style Studio 1984 คันฉ่อง กระจกเงาโบราณ 25
Thai Style Studio 1984 คันฉ่อง กระจกเงาโบราณ 27

TRULY THAI AUTHENTIC YOU CAN BE

>>ติดตามเรื่องราวความเป็นไทยอย่างใกล้ชิดที่ Thai Style Studio<<

เพราะเราเชื่อว่า “มากกว่าความรู้สึก คือ การได้สัมผัสประสบการณ์ความเป็นไทยด้วยตัวคุณเอง”

Share this post