loader image
TSS_0897_1600x1067

งานช่างสนะ ช่างฝีมือสุดเทพ

Thai Style Studio 1984 งานช่างสนะ ช่างฝีมือสุดเทพ 1


ตั้งแต่สมัยอยุธยาสืบเนื่องมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ปรากฏการใช้ผ้านั้น พระมหากษัตริย์ พระมเหสี และพระบรมวงศานุวงศ์ จนถึงขุนนางระดับสูง โดยจัดจำแนก ตามรูปแบบการใช้งาน คือใช้เป็นเครื่องนุ่งห่ม เช่น เสื้อครุย ผ้าทรงสะพัก ฯลฯ เป็นเครื่องราชูปโภค เครื่องประกอบอิสริยยศ ตลอดจนใช้ในงานพระราชพิธีต่าง ๆ เช่น ผ้าปูลาดและผ้าสำหรับถวายเป็นพุทธบูชา

Thai Style Studio 1984 งานช่างสนะ ช่างฝีมือสุดเทพ 3

ผ้าปักที่ใช้ในราชสำนักมีหลายรูปแบบ ได้แก่ ผ้าปักที่สร้างสรรค์ด้วยเทคนิค การปักแบบโบราณเพื่อเพิ่มคุณค่าและความงามให้กับผืนผ้า เช่น การปักไหม การปักแล่ง และการปักหักทองขวาง ตลอดจนผ้าปักสำเร็จรูปที่สั่งซื้อยกพับมาจากต่างประเทศ เพื่อนำมาตัดเย็บเป็นเครื่องนุ่งห่ม โดยวัสดุที่ใช้ในงานปักของราชสำนัก เช่น ดิ้นเงินดิ้นทอง เลื่อม ไหมสีต่างๆ แล่ง ดิ้นข้อ ดิ้นโปร่ง ปีกแมลงทับ ฯลฯ

Thai Style Studio 1984 งานช่างสนะ ช่างฝีมือสุดเทพ 5

งานปักเป็นงานประณีตศิลป์ที่ต้องใช้ความชำนาญ มีความละเอียดสูง และอาศัยระยะเวลาในการสร้างสรรค์ผลงาน ในราชสำนักสยามมีการสืบทอดช่างฝีมืองานปักมาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยสังกัดในกรมพระภูษา เรียกว่า “ช่างสนะ”

ช่างสนะ คือ ช่างผู้มีความชำนาญในงานฝีมือด้านผ้า กระดาษ และหนัง สร้างงานด้วยการเย็บ ปัก ถัก ร้อย และปะชุน สร้างสรรค์ให้เกิดเป็นชิ้นงาน ประณีตด้วยกระบวนการตัดแบบ เย็บแบบ ปักแบบ และนำมาเย็บประกอบด้วยด้ายให้เป็นรูปร่าง เข้าแบบ เข้าทรงเข้าชุด เป็นตาลปัตร พัดรอง ชุดโขน ชุดละคร เป็นต้น งานช่างสนะ จึงมิใช่เป็นเพียงงานสร้างชิ้นงานใหม่ขึ้นเท่านั้น หากแต่ยังหมายรวมถึงงานซ่อม หรือการปรับปรุงแก้ไขชิ้นงานเก่าด้วย ไม่ว่าจะเป็นงานผ้า งานหนัง หรืองานกระดาษ ที่มีกระบวนการเย็บ ปัก ถัก ร้อย และปะชุน ดังกล่าว 

Thai Style Studio 1984 งานช่างสนะ ช่างฝีมือสุดเทพ 7

            ในสมัยรัตนโกสินทร์ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้าฯ ให้ชำระกฏหมายตราสามดวงมีการจัดแบ่งพระไอยการตำแหน่งนาพลเรือนและไอยการตำแหน่งนาทหารหัวเมืองขึ้นใหม่ โดยจัดระเบียบหมวดหมู่ช่าง แบ่งออกเป็นกรมต่างๆ เรียกว่า “กรมช่างสิบหมู่” 

Thai Style Studio 1984 งานช่างสนะ ช่างฝีมือสุดเทพ 9

            ในพระไอยการตำแหน่งนาพลเรือน รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ (พ.ศ. ๒๔๑๑-๒๔๕๓) ทรงจัดการงานช่างเป็นกรมต่างๆ ซึ่งมี ช่างสนะไทย เป็นกรมหนึ่งด้วย ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงจัดระเบียบราชการใหม่ บรรดาช่างหมู่ต่างๆ ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรม ในฝ่ายข้าราชการพลเรือนโดยตรง ไม่เกี่ยวกับทหารอย่างที่เป็นมาแต่โบราณ

Thai Style Studio 1984 งานช่างสนะ ช่างฝีมือสุดเทพ 11

            ในจดหมายเหตุพระราชพิธีลงสรง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ในรัชกาลที่ ๕ กล่าวถึงขุนนางกรมต่างๆ ที่ได้เข้ามาร่วม”กระบวนถืออาวุธกลับปลายลงล่าง”ตามประเพณี ใน พ.ศ. ๒๔๒๙ มีชื่อกรมช่างสนะ ไทย-จีน รวมอยู่ด้วย และในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ (พ.ศ. ๒๔๕๓-๒๔๖๘) กรมช่างมหาดเล็กได้ถูกยุบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ อันเป็นผลมาจากสงครามโลกครั้งที่ ๑ (พ.ศ. ๒๔๕๗-๒๔๖๑) งานช่างสิบหมู่ได้ไปรวมอยู่กับกรมมหรสพ ต่อมาเมื่อตั้งกรมศิลปากรจึงได้ไปรวมอยู่กับกรมศิลปากรในภายหลัง

Thai Style Studio 1984 งานช่างสนะ ช่างฝีมือสุดเทพ 13

            ช่างสนะ เป็นช่างประเภทหนึ่งในกลุ่มช่างสิบหมู่ ซึ่งเป็นช่างเครื่องผ้าต่างๆ สนองพระราชประสงค์ เช่น เย็บผ้า ปักผ้า ปะชุนผ้า นอกจากนี้ ยังทำเครื่องหนัง เช่น อานม้า ปลอกมีด เข็มขัด หรือสายรัด ตัดเครื่องแบบชุดทหาร ช่างสนะแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มช่างคนไทย เรียกว่า “ช่างสนะไทย” กลุ่มช่างคนจีนเรียกว่า “ช่างสนะจีน”

            ช่างสนะมีทั้งฝ่ายสร้างและฝ่ายซ่อม เพราะสิ่งของต่างๆ อาจมีการปรับปรุงแก้ไขรูปแบบเมื่อเก่าลงก็มีการซ่อมแซม ตัดแต่งชุด กระเป๋า รองเท้า ที่ทำงานเกี่ยวกับ เครื่องผ้า เครื่องหนัง และกระดาษ ร่วมไปถึงการยาเรือ ผู้ทำงานต้องมีความเข้าใจถึงกระบวนการทำงาน รู้จักวัสดุที่ใช้สร้างงาน สามารถเลือกวัสดุที่จะใช้ให้เหมาะสมกับการสร้างงานไม่ว่าจะเป็นสีของไหม รูปแบบของเลื่อม ลักษณะของดิ้นแบบต่างๆ ช่างต้องมีทักษะ เข้าใจเทคนิค สามารถแก้ปัญหาในการปฏิบัติงาน ซึ่งวิธีการปักแต่ละแบบ ของวัสดุแต่ละชนิดมีวิธีการทำงานที่แตกต่างกันในการทำให้เกิดเป็นลวดลาย ในการปักดิ้นไหม เลื่อม แล่ง ต่างๆ นำมาเข้ารูป เข้าทรง เป็นผ้าม่าน ผ้าหน้าโขนเรือพระราชพิธี เครื่องสูง ตาลปัตร พัดรอง รวมถึงเครื่องแต่งกาย โขนละคร และหุ่นไทยที่มีความประณีตสวยงาม 

Thai Style Studio 1984 งานช่างสนะ ช่างฝีมือสุดเทพ 15

วิธีการผลิตงานช่างสนะโดยสังเขป

            ๑. การตัดเย็บแบบ เข้ารูปทรงเป็นชุด นำไปปักลวดลาย แล้วนำมาประกอบเข้าเป็นชุดทหาร มหาดเล็ก หมวก ต่างๆ เป็นต้น

            ๒. กระบวนการสร้างลวดลายด้วยงานปักให้เกิดลวดลายด้วยวัสดุประเภทต่างๆ เช่น แล่ง เลื่อม ไหม ดิ้นมัน ดิ้นโป่ง เป็นต้น 

มีการปักหลายประเภท ดังเช่น

            การปักทึบ คือการนำวัสดุ เช่น ไหมปักลงบนผ้าให้เกิดลวดลายตามต้องการมักปักลวดลายที่ไม่กว้างมากนัก ถ้าต้องการให้ลายนูนสวยต้องปักหนุนก่อน

            การปักซอย คือ เป็นวิธีการปักผ้าแบบโบราณของไทยด้วยวิธีปักขึ้นลงถี่ ๆ แซมสลับเส้นไหมแบบสั้นยาวไม่เท่ากัน ปักไล่เฉดสีไปตามลวดลายจนเต็มพื้นที่ ซึ่งเป็นการปักที่ต้องอาศัยความประณีตละเอียดลออ จึงเกิดสีสันและเหลือบเงาได้เหมือนภาพวาดต้นแบบ

            การปักเลื่อม คือ การนำโลหะสีเงิน และสีทอง รูปทรงกลมมีรูตรงกลางใช้ปักบนผ้าให้เกิดเป็นลวดลาย

Thai Style Studio 1984 งานช่างสนะ ช่างฝีมือสุดเทพ 17

            การปักดิ้นข้อ ดิ้นมัน และดิ้นด้าน มีลักษณะเป็นเส้นกลมๆข้างใน เป็นเส้นลวดเล็ก ความยืดหยุ่นมีทั้งสีทอง และสีเงิน นำมาปักเป็นลวดลาย เมื่อปักตัดเป็นท่อนๆ ให้ยาวพอเหมาะกับลายใช้เข็มร้อยด้ายเข้าในดิ้นข้อ ดิ้นมัน และดิ้นด้าน แล้วปักเข็มลงในทิศตรงข้ามเป็นการยึดตรึงลาย ในส่วนที่ใช้ดิ้นข้อเป็นตัวกำหนดลายให้ใช้ด้ายยึดตรึงดิ้นเป็นระยะตามแบบลวดลายให้ได้ระยะที่เหมาะสม 

Thai Style Studio 1984 งานช่างสนะ ช่างฝีมือสุดเทพ 19

            การปักดิ้นโปร่ง ดิ้นโปร่งเป็นเส้นสี่เหลี่ยม นูนและโปร่ง  ยืดหยุ่นเชื่อมติดต่อกัน มีทั้งดิ้นโปร่งเงิน และโปร่งทอง นำมาปักเป็นลวดลาย อาจมีการหนุนด้วยด้าย หรือดิ้นข้อด้านล่าง เมื่อจะปักตัดเป็นท่อนๆ ให้ยาวกว่าลายเล็กน้อยให้พอเหมาะกับลาย อาจมีการหนุนด้วยด้ายด้านล่าง ใช้เข็มร้อยด้ายเข้าในดิ้นโปร่ง เย็บปักเข็มลงในทิศตรงข้ามจนเต็มตามแบบลวดลาย

Thai Style Studio 1984 งานช่างสนะ ช่างฝีมือสุดเทพ 21

            การปักแล่ง แล่ง คือ แผ่นโลหะทอง เงิน ที่รีดเป็นเส้นแบนเล็กๆ นำมาประกอบการเย็บปักชนิดต่างๆ เพื่อให้ดูแวววาวสวยงาม มีทั่งแล่งเงิน และแล่งทอง เลือกใช้ตามความเหมาะสมของงาน

            การปักหักทองขวาง คือ การใช้ด้ายยึดตรึงเส้นด้ายไหมทองหัวท้ายลายหักทบไปมาในลักษณะขวางตัวลายจนเกิดเป็นลวดลาย  อาจมีการหนุนลายด้วยด้าย โดยไม่ปักเส้นด้ายไหมทองสอดลงไปในผ้า แต่ตรึงไว้ด้วยด้ายในส่วนหัวและส่วนท้ายเท่านั้นเช่นเครื่องสูง ฉัตร ฉัตรชุมสาย บังแทรก ทำด้วยผ้าปักหักทองขวาง ใช้ในกระบวนแห่เสด็จพระราชดำเนิน

Thai Style Studio 1984 งานช่างสนะ ช่างฝีมือสุดเทพ 23

            การถักกรองทอง หรือ ถักตาชุน ผ้าตาชุน เป็นการถักขึ้นด้วยไหมสีเงิน หรือทองเส้น ที่มีลักษณะโปร่งเป็นตาข่ายเล็กๆ แล้วนำมาปักดิ้น เลื่อม แบบต่างๆ เป็นลวดลาย เช่น ผ้าทรงสะพัก หรือฉลองพระองค์ครุยเป็นต้น 

Thai Style Studio 1984 งานช่างสนะ ช่างฝีมือสุดเทพ 25

    เกร็ดความรู้: ผ้าปักดิ้น  เป็นการปักผ้าที่ใช้วัสดุที่ทำมาจากโลหะมีค่ารูปทรงต่างๆเป็นวัสดุหลักในการปัก  โลหะมีค่านี้มีหลากหลายรูปแบบและมีชื่อเรียกดังนี้

  • ดิ้น คือโลหะที่ดึงเป็นเส้น แล้วนำมาขดเป็นรูปวงกลม มีรูปร่างเหมือนลวดสปริง มีหลายชนิด เช่น  ดิ้นมัน ดิ้นด้าน ดิ้นโปร่ง
  • แล่ง คือโลหะที่รีดเป็นเส้นแบน ดุจเดียวกับเส้นตอกสำหรับสานเครื่องจักรสาน
  • เลื่อม เกิดจากการนำเส้นโละที่ตัดให้ได้ความยาวตามต้องการ แล้วตีให้เป็นรูปวงกลมแบน หรือนูนเหมือนฝาชี หรือรูปร่างเป็นดาวหลายๆแฉก
  • ไหมทอง คือโลหะที่รีดเป็นเส้นขนาดเล็ก แล้วนำมาปั่นควบกับเส้นไหมหรือด้าย

            เนื่องจากผลงานช่างสนะไม่มีแพร่หลายทั่วไป อีกทั้งการสืบทอดฝีมือก็ทำได้ยากเย็นอย่างยิ่ง จึงทำให้ในวันนี้ช่างที่ปฏิบัติงานด้านช่างสนะเริ่มมีจำนวนน้อยลงและเลือนหายไป ทำให้การสืบทอดวิชาช่างอันสำคุญนี้อยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งแล้วในปัจจุบัน

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ: ราชภูษิตาภรณ์สยาม

Share this post