นับถอยหลังสู่เทศกาลแห่งความรักที่อบอวลด้วยบรรยากาศหวาน ๆ แน่นอนว่าวันวาเลนไทน์ใน 1 ปีจะมีเพียง 1 วัน หลายคนจึงไม่พลาดที่จะสร้างโมเมนต์และความทรงจำดี ๆ กับคนสำคัญ วันนี้เราจึงอาสาจัดแพลนดี ๆ เที่ยววัด unseen พร้อมถ่ายรูปชุดไทยกับคนที่คุณรัก ตามไปดูกันเลย
1. วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร
ประเดิมกันที่ วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร ถือเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 3 สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมมีชื่อว่า “วัดจอมทอง”
เปิดทำการทุกวัน เวลา 06.00 – 18.00 น.
มีที่จอดรถให้ด้วยนะ ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
ประตูทรงกลมสไตล์จีน เชื่อกันว่าจะนำสิ่งดีงามให้แก่ผู้ที่ผ่านประตูนี้เข้ามา
พร้อมที่จะหลงกันรึยัง ?
เริ่มกันที่ หลงที่ 1
ส่วนนี้ขอเรียกว่า “สวนหลง” ละกัน เพราะเราหลงเข้ามาแล้วไม่คิดว่าบรรยากาศจะอินเลิฟสุด ๆ เหมาะกับซีนคู่รักมาก
สำหรับคู่รักที่สนใจจะถ่ายภาพมุมนี้ ให้เดินมาตรงทางเดินระหว่างศาลาการเปรียญกับพระอุโบสถ
ถ่ายกับแฟนเสร็จแล้ว ก็เขี่ยผู้ให้พ้นทาง ขอเฉิดฉายคนเดียว เพราะ priority ภรรยานัมเบอร์วัน
สิ่งแรกที่เราจะพบเห็นเมื่อมาถึงวัดราชโอรสคือซุ้มประตูสีแดงสไตล์จีน
เราจะพบลายสลักแบบศิลปะจีนบนบานประตูหรือหน้าต่าง โดยจะมีให้เห็นอยู่ตลอดทั่วโบสถ์และวัด
พระอุโบสถที่นี่หลังคาเป็นแบบจีนแต่มุงกระเบื้องสีแบบไทย ไม่มีช่อฟ้าใบระกา ตกแต่งเป็นรูปแจกันดอกเบญจมาศ มีรูปสัตว์มงคลตามคติของจีน
ถัดเข้ามาด้านในสุด จะเจอซุ้มประตูรูปวงกลม เมื่อผ่านเข้ามาบริเวณนี้คือ “เขตวิหารพระพุทธไสยาสน์” จะเน้นโทนสีขาวตัดกับหลังคาและอาคารโดยรอบพระวิหาร ตรงจุดนี้จะมีความเป็นไทยให้เราได้เห็นมากขึ้นหน่อย เหมือนวัดไทยโดยทั่วไป
สถาปัตยกรรมหลัก ๆ นั้นจึงตกแต่งด้วยศิลปะสไตล์จีน แต่มีการผสมผสานความเป็นไทยไว้ภายในด้วย เรียกว่า ศิลปะแบบพระราชนิยมในรัชกาลที่ 3 เนื่องจากพระองค์โปรดศิลปะสไตล์จีนมาก สิ่งปลูกสร้าง อาคาร วัดวาอารามในยุคสมัยเดียวกัน เราจึงมักเห็นศิลปะสไตล์นี้ปะปนอยู่เสมอ
2. วัดพิชยญาติการามวรวิหาร
เรามาต่อกันที่วัดพิชยญาติการามวรวิหาร หรือทีเรียกกันอย่างคุ้นหูว่า วัดพิชัยญาติ เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่เชิงสะพานพุทธ
เปิดทำการทุกวัน เวลา 06.00 – 17.00 น.
มีที่จอดรถด้วยนะ ค่าที่จอดชั่วโมงละ 20 บาท
ซึ่งแต่ก่อนวัดนี้เป็นวัดร้าง แต่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต บุนนาค) ได้ทำการบูรณะวัดขึ้นมาใหม่ เมื่อทำการบูรณะเสร็จได้น้อมเกล้าฯ ถวายแด่รัชกาลที่ 3 วัดนี้จึงมีกลิ่นอายสไตล์จีนไม่แพ้กัน กับวัดราชโอรส
หลงที่ 2 คือบานประตูนี่เลย สวยมาก ! คุณเอ้ยย ให้ความนิยตสาร Vogue ออกมาเป็นอย่างที่เห็นนี่เลย
หน้าต่างสีดำ ไม่นานก็ช้าวววว นั่นมันทะเล แฮ่! มาจริงจังละ อันนี้อยากให้ลองมาถ่ายกับบานประตูและบานหน้าต่างของวัดนี้ เพราะมีสีดำ แตกต่างจากวัดอื่น ๆ
แต่งตัวชิล ๆ (ชิลจริงหรอ?) ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน รับบทฟิลพ่อบ้านใจกล้า พาคุณนายมาถ่ายภาพ
ภายในพระอุโบสถ มีตู้พระธรรม เตียงบรรทมของนายทัด บุนนาค และสิ่งของเก่าแก่อีกมากมาย เหมือนยกพิพิธภัณฑ์โบราณมาไว้ที่วัดเลย ให้อารมณ์หลงย้อนไปยังสมัยก่อน พลอยแอบคิดจินตนาการ ว่าคนไทยสมัยก่อนนั้น มีชีวิตและความเป็นอยู่เช่นไร
วัดพิชัยญาติเป็นวัดที่สงบในย่าน ฝั่งธนบุรี เหมาะสำหรับคนที่อยากปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมาก แถมมีศาสนสถานที่เก่าแก่และสวยงาม ที่ควรแวะมาสักครั้ง
3. วัดเทพธิดารามวรวิหาร
มาถึงวัดที่ 3 กันแล้ว
วัดนี้คือวัดเทพธิดารามวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ตั้งอยู่ที่ริมถนนมหาไชย
เปิดทำการทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น.
มีที่จอดรถค่อนข้างน้อย มีค่าใช้จ่าย 40 บาท
หากใครไม่คุ้น วัดนี้คือวัดที่สุนทรภู่ได้เข้าจำพรรษา
พอจะคุ้นกันแล้วใช่ไหม ถ้ายังไม่คุ้น ภายในวัดนี้มีพิพิธภัณฑ์สุนทรภู่ให้เราได้เยี่ยมชมกันด้วย
ดูชุดแวะเยี่ยมท่านสุนทรภู่ซะก่อน
วัดเทพธิดารามมีเครื่องประดับพระอาราม ได้แก่ ตุ๊กตาศิลาจีนที่มีทั้งที่เป็นรูปสัตว์และคน ตุ๊กตารูปคนตั้งอยู่ในบริเวณรอบพระอุโบสถ เหมือนทางซ้ายของภาพนี้
ฮันแน่!!! อย่าตกใจไปเรารู้นะ พวกเธอคิดถึงอะไร
ชุดนี้คือ ชุดครุยจำลองแบบโบราณ พร้อมด้วยเครื่องหัวที่เรียกว่า ลอมพอก เป็นเครื่องประกอบยศของขุนนางในอดีตนั่นเอง
“ลอมพอก” เป็นเครื่องสวมศีรษะของขุนนาง เรียกว่า พอก หรือ พอกเกี้ยว เป็นเครื่องแต่งกายชนิดหนึ่ง ที่ช่วยกำหนดชั้นยศของขุนนาง เป็นหมวกมียอดคล้ายชฎา
หลงที่ 3 หลงกลเธอแล้วทำไงด้ายยยย ไม่ใช่! วัดนี้อย่าได้หลงเข้ามาเป็นอันเด็ดขาด เพราะถ้าได้เข้ามาแล้วจะได้พบกับความโบราณที่สวยงาม เหมือนเรานั่งไทม์แมชชีนของโดเรม่อนกลับไปอดีตยังไงอย่างงั้น จนไม่อยากกลับออกไปเล๊ยยย
4. วัดสุทัศนเทพวราราม
วัดสุดท้ายของทริปวันนี้ คือวัดสุทัศนเทพวราราม หรือที่นิยมเรียกสั้น ๆ ว่า วัดสุทัศน์ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร ที่มีอยู่เพียงไม่กี่แห่งของประเทศไทย
และเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 8
เปิดทำการทุกวัน เวลา 08.30 – 21.00 น.
มีที่จอดรถค่อนข้างน้อยซึ่งต้องจอดริมถนนข้างวัด มีค่าใช้จ่าย 40 บาท ต้องพึ่งดวงหน่อยนะ
ขอชมเลยว่าเป็นวัดที่แผนผังสวยงามมาก ๆ อาคาร สถานที่ถูกจัดให้เป็นระเบียบ สบายตา ละมุนมาก
ไหน ๆ เมื่อกี้ได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนอดีตมาแล้ว วัดนี้ขอใช้ประตูไปไหนก็ได้ เพราะจะหมดแรงแล้ว แหะ ๆ
บริเวณนี้คือทางเดินของ พระวิหารหลวงวัดสุทัศนเทพวราราม ถือเป็นวิหารที่มีขนาดใหญ่อย่างมาก
หลงที่ 4 หลงเจดีย์ยังหาทางออกเจอแต่หลงเธอสิเหลือทน
เนื่องจากรอบพระวิหารมีถะ หรือเจดีย์ศิลาแบบจีน เป็นถะ 6 ชั้น มีจำนวนถึง 28 องค์ (ถะ คือเจดีย์แบบจีน เป็นหลังคาต่อกันเป็นชั้น ๆ ขึ้นไป) ซึ่งอยู่ทางซ้ายมือของคุณผู้หญิงนั่นเอง ระวังหลงทิศกับแฟนกันนะ
เมื่อไหร่แม่นางจะมาสักที ยืนเก็กจนเมื่อยแล้ว สงสัยหลงอยู่คนละฟากชัวร์
ก่อนจะลากันไป ขอเก็บภาพประทับใจกับแสงสุดท้ายของวัน
ใครไปวัดนี้บอกเลยเตรียมเมมไปให้ดี รับรองได้ใส่ชุดไทย ถ่ายภาพกันเพียบเลยล่ะ เพราะมุมถ่ายรูปสวย ๆ เยอะมาก
หากวันวาเลนไทน์นี้คุณยังไม่มีแพลนจะไปไหน หรือคิดไม่ออกว่าจะพาแฟนไปเดทที่ไหนดี ลองปักหมุดไปตามที่แล้วแนะนำ รับรองว่าคุณจะมีความทรงจำแสนหวานกับคนที่รักไม่รู้ลืม เพราะหลงแล้วหลงอีก 5555555
ถ้าอ่านแล้วสนใจอยากใส่ชุดและไปเที่ยวตามรีวิวนี้ อย่าลืมไปดูรายละเอียดและกดติดตามชุดไทยสวย ๆ ที่ Facebook: Thai Style Studio กันนะ
TRULY THAI AUTHENTIC YOU CAN BE
>>ติดตามเรื่องราวความเป็นไทยอย่างใกล้ชิดที่ Thai Style Studio<<
เพราะเราเชื่อว่า “มากกว่าความรู้สึก คือ การได้สัมผัสประสบการณ์ความเป็นไทยด้วยตัวคุณเอง”