สไบ ถือเป็นเครื่องแต่งกายหลักของสตรีไทยในสมัยโบราณ การแสดงฐานะของคนไทยในสมัยก่อนจะดูจากรอยจีบของผ้า เนื่องจากในสมัยโบราณไม่ใช้ความร้อนในการทำให้เรียบ มีเพียงอุปกรณ์ตัวใหญ่อย่าง “รางจีบ” และ “เครื่องอัดผ้า” ทำจากไม้สัก ที่ต้องประคองจับจีบผ้าและทับทิ้งไว้เป็นเวลานานจึงจะใส่ได้
ผ้าสไบ โดยมากเป็นผ้าที่เบาบาง ทำด้วยแพรไหม ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยสกปรก จึงไม่จำเป็นที่จะต้องซักหรือทำความสะอาดบ่อยนัก แต่ด้วยวิสัย “ชาววัง” จะต้องทำความสะอาดและอบร่ำให้มีกลิ่นหอมอยู่เสมอ การซักผ้าชนิดนี้จึงไม่จำเป็นต้องต้ม เพียงแต่ซักน้ำให้สะอาดตากให้แห้งแล้วจึงนำมาจีบ
วิธีจีบก็มีต่าง ๆ กัน บางคนใช้จีบด้วยมือ ช่วยกัน 2 คน จีบคนละข้าง วิธีนี้ผู้ทำจะต้องมีความชำนาญสูง เมื่อจีบแล้วจึงนำของหนัก ๆ มาทับไว้ให้เรียบและอยู่ตัว หรือบางคนใช้วิธีมัดหัวท้ายและกลางเพื่อให้จีบอยู่ตัว มีบางคนที่มีความสามารถจีบคนเดียวโดยใช้หัวแม่เท้ากับนิ้วถัดไปคีบไว้ แล้วจับจีบทีละข้าง วิธีเช่นนี้มักถูกตำหนิว่าเป็นวิธีของไพร่ ชาววังจึงไม่นิยมทำกัน
อีกวิธีหนึ่งเป็นวิธีของผู้มีฐานะอย่างชาววังหรือสตรีในราชสำนัก คือใช้ เครื่องอัดกลีบผ้า ลักษณะเป็นไม้ 2 แผ่นตั้งขนานกันบนไม้อีกแผ่นหนึ่ง ทำให้เกิดร่องระหว่างไม้ทั้ง 2 แผ่น เวลาใช้จีบผ้าสไบใส่ลงไประหว่างร่องทีละชิ้น จากนั้นใช้ไม้อีกชิ้นหนึ่งที่มีความกว้างเท่ากับร่องไม้เรียกว่า “ลิ้นอัด”ทับลงไป แล้วใช้เชือกมัดปลายผ้าที่โผล่ออกมาทั้ง 2 ด้าน หรือใช้ไม้ใหญ่ทับหัวทับท้าย เมื่อเวลาแก้เชือกและดึงไม้ลิ้นออกจะได้ผ้าสไบที่มีกลีบงดงามและคงทน
ส่วนวิธีที่ทำให้ผ้าเรียบอย่างสวยงามคือ การนำมาเข้าของเครื่องหนีบ ลักษณะเป็นลูกเหล็กท่อนโตกลมหรือเหลี่ยมยาววางซ้อนกัน 2 ลูกบนขาตั้งสูง มีลูกบิดเป็นมือถือจับหมุน เมื่อจะใช้ก็ปูผ้าแบทั้งผืนใส่เข้าไปในระหว่างลูกเหล็ก และหมุนให้ผ้าผ่านลูกเหล็กออกมาทีละนิด วิธีนี้จะทำให้ผ้าเรียบเหมือนรีดด้วยเตารีด แล้วจึงค่อยพัฒนาสู่การใช้เตารีดแบบอังไฟ
“ยิ่งได้สัมผัสขั้นตอนอย่างละเอียด คำว่าความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาก็ปรากฏอย่างเด่นชัด”
ขอบคุณเนื้อหาจากหนังสือ “เรื่องเล่าชีวิตสาวชาววัง หอมติดกระดาน”
TRULY THAI AUTHENTIC YOU CAN BE
>>ติดตามเรื่องราวความเป็นไทยอย่างใกล้ชิดที่ Thai Style Studio<<
เพราะเราเชื่อว่า “มากกว่าความรู้สึก คือ การได้สัมผัสประสบการณ์ความเป็นไทยด้วยตัวคุณเอง”