How to wear Sarong/Loincloths – Jeeb Wai Chai Phok
How to wear Thai costume (Part III – Sarong/Loincloths –
How to wear a Tucked Loincloth (Jong Kraben)
How to wear Thai costume (Part IV – Tucked Loincloth
ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นถึงไม่ชอบสวมเสื้อ
ในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้นเป็นระยะที่บ้านเมืองกำลังฟื้นตัวจากสภาวะสงครามสงครามเเละสร้างเมืองใหม่ ชาวสยามในสมัยนั้นยังคงสืบทอดชีวิตความเป็นอยู่มาจากสมัยอยุธยาตอนปลาย ไม่ว่าจะเป็นขนบธรรมเนียม ประเพณี กฏหมาย การปกครอง โดยเฉพาะ “การแต่งกาย” โดยทั่วไปแล้วทั้งชายและหญิงนุ่งผ้าและห่มผ้ากันเป็นหลัก กล่าวคือ
การห่มสไบจีบชั้นเดียว
หมายเหตุ การห่มสไบไม่มีแบบแผนชัดเจนว่าจะต้องห่มด้านขวา หรือ ด้านซ้าย ของตัวผู้นุ่ง หากแต่เป็นไปตามความถนัดของผู้นุ่งผ้า โดยคนโบราณนิยมนุ่งห่มผ้าสไบด้านตรงข้ามกับฝั่งที่แขนตนถนัด เพื่อสะดวกต่อการหยิบจับสิ่งของ และการใช้งานในชีวิตประจำวัน TRULY
การนุ่งโจงกระเบน
โจงกระเบน เป็นรูปแบบการนุ่งผ้าประเภทหนึ่งโดย คำว่า โจง หมายถึง การโยง จูงไป กระเบน หมายถึง หาง
การห่มผ้าสะพัก
การห่มผ้าสะพักปรากฏหลักฐานการนุ่งมาตั้งแต่ครั้งสมัยอยุธยา โดยปรากฎหลักฐานการนุ่งบัญญัติไว้ในธรรมเนียมการแต่งกายของราชสำนัก เช่น “พระมเหสีทรงนุ่งยกห่มผ้าตาดทอง” “ฉลองพระองค์ทรงสะพักปักปีกแมลงทับ” อีกทั้งการห่มผ้าสะพักยังเป็นเครื่องบ่งบอกฐานานุศักดิ์ของผู้นุ่งผ้า และเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับการนุ่งห่มผ้า ในระดับพิธีการของเขตพระราชฐานสำหรับเจ้านายฝ่ายใน และสตรีชั้นสูงในราชสำนักอยุธยาอีกด้วย ทั้งนี้การนุ่งห่มผ้าสะพักเองยังส่งอิทธิพลผลต่อพัฒนาการนุ่งห่มสไบแบบสองชั้นในเวลาต่อมา
การนุ่งจีบไว้ชายพก
การนุ่งจีบไว้ชายพก ประกอบด้วย 2 ขั้นตอนหลัก ๆ ได้แก่ การทำชายพก และ การนุ่งจีบหน้า วิธีการทำชายพก
เสื้อครุยและลอมพอก
เสื้อครุยมาจากไหน การสวมใส่เสื้อครุยมีมาตั้งแต่สมัยโบราณในหลายประเทศ ทั้งในแถบเอเชียและยุโรป สำหรับในประเทศไทยมีหลักฐานว่า พระมหากษัตริย์ได้พระราชทานฉลองพระองค์ครุยหรือเสื้อครุย เป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศหรือเครื่องยศในหมวดภูษณาภรณ์ สำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนาง หรือข้าราชการ ที่ทำความดีความชอบในราชการแผ่นดินมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา